Saturday, May 16, 2009

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 7 (90/2552) เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย

+++ สวัสดีครับ +++วันนี้ย่างเข้าหน้าฝนมาแล้วระยะหนึ่งนะครับ ขอให้ดูแลสุขภาพกันให้ดี บางคนก็เริ่มไม่สบายกันแล้ว หลายคนเป็นหวัด ไอ จาม ถ้าอาการเริ่มไม่ดีก็อย่าลืม ไปพบคุณหมอกันนะครับ 2-3 วันมานี้ฝนตกหนักต่อเนื่อง ช่วงเช้าเรื่อยไปตลอดทั้งวัน คงเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะปลูกไม้ดอกไม้ประดับ หรือปลูกผักไว้ขายหรือรับประทานเอง ก็ดีนะครับ ว่าไม่ต้องรดน้ำ ต้นไม้สดชื่นไม่แห้งเหี่ยวเหมือนช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา

ทีนี้เรามาดูกันว่า ฤดูฝนนี้เราจะสามารถปลูกผักอะไรไว้รับประทานกันได้บ้าง ผมหาข้อมูลมาดังนี้


  • ผักที่ควรปลูกในต้นฤดูฝน คือ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ได้แก่ หอมแบ่ง ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า พริกต่าง ๆ มะเขือต่าง ๆ ผักกาดหอม บวบ มะระ ฟักเขียว แฟง แตงกวา ข้าวโพดหวาน ถั่วฝักยาว ถั่วพุ่ม น้ำเต้า ถั่วพู ผักบุ้งจีน กระเจี๊ยบเขียว

  • ผักที่ควรปลูกปลายฤดูฝน ผักใดที่ปลูกต้นฤดูฝนก็ปลูกได้ผลดี ในปลายฤดูฝน ยิ่งกว่านั้นยังปลูกผักฤดูหนาวได้อีกด้วย เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปม บร็อคโคลี่ ถั่วลันเตา หอมหัวใหญ่ แครอท แรดิช ผักชี ผักกาดเขียวปลี ผักกาดขาวปลี ผักกาดหอมห่อ ข้าวโพดหวาน แตงเทศ แตงโม พริกยักษ์ พริกหยวก ฟักทอง มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย

  • ผักที่ควรปลูกในฤดูร้อน ได้แก่ ผักที่ทนร้อนได้ดี และทนความ แห้งแล้งพอสมควร ถึงแม้ว่าผักเหล่านี้จะทนร้อนและความแห้งแล้งได้ แต่ถ้าจะปลูกในฤดูร้อนผักบางอย่างก็ต้องรดน้ำ เช้า-เย็น ต้องพรวนดิน แล้วคลุมด้วยฟางข้าวเพื่อรักษาความชุ่มชื้นไว้ให้พอ เช่น ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเทียน บวบ มะระ ถั่วฝักยาว ถั่วพุ่ม น้ำเต้า แฟง ฟักทอง ถั่วพู คะน้า ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักกาดหอม ผักชี (ผักกาดหอม และผักชีนั้น ควรทำร่มรำไรให้ด้วย ) ผักกาดขาวเล็ก มะเขือมอญ ผักกาดเขียวใหญ่

  • ผักและพืชบางอย่างที่ควรปลูกไว้รับประทานตลอดปี ได้แก่ พืชที่ ทนทาน ปลูกครั้งเดียวรับประทานได้ตลอดปี เช่น สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง หอมแบ่ง แมงลัก โหระพา กะเพรา ผักตำลึง ผักบุ้งไทย กระชาย ข่า ตะไคร้ บัวบก มะแว้ง มะเขือพวง พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู มะเขือต่าง ๆ ( กรมอาชีวศึกษา.2529: 3-4 )
เมื่อเทียบกับพยากรณ์อากาศ แล้ว จะเห็นได้ว่าใน 2 ข้อแรกคือผักต้อนฤดุฝนและปลายฤดูฝน ควรเป็นพืชล้มลุก เช่น หอม พริก ฟักทอง เป็นต้น แต่ถ้าไปเลือก ข้าวโพดมาปลูกในกระถางก็คงไม่ไหวนะครับ เรามีผักหลายชนิดเลยที่สามารถปลูกได้ แต่ต้องเลือกเอาที่เป็นผักกระถางนะ ลองเลือกที่ชอบทนมาปลูกดูนะครับ

ทีนี้เป็นสภาพอากาศที่เราควรติดตาม ถ้าเราเป็นนักการเกษตรหรือชอบปลูกต้นไม้สมัครเล่น หรือเป็นอาชีพ ข้อมูลนี้ควรรู้ไว้บ้างครับ ก็สามารถดูได้เลยจาก WEB กรมอุตุนิยมวิทยา ผมทำ link ไว้แล้วครับ

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 23:00 วันนี้ ถึง 23:00 วันพรุ่งนี้.

  1. ภาคเหนือ
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ลำปาง น่าน พิจิตร พิษณุโลกและเพชรบูรณ์ อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


  2. ภาคกลาง
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


  3. ภาคตะวันออก
    มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร


  4. ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร


  5. ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร


  6. กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
    มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา

No comments:

Post a Comment