Thursday, October 29, 2009
มะเขือเปราะ
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Solanum xanthocarpum Schrad. & Wendl.
วงศ์ Solanaceae
มะเขือ เปราะเป็นพืชผักที่กินผล มีชื่อเรียกอื่นๆ ดังนี้ มะเขือขื่น มะเขือเสวย (ภาคกลาง) มะเขือขันคำ มะเขือคางกบ มะเขือดำ มะเขือแจ้ มะเขือจาน มะเขือแจ้ดิน (เหนือ) เขือพา เขือหิน (ใต้) มั่งคอเก (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) มะเขือหืน (ภาคอีสาน)
ต้นมะเขือเปราะมีลักษณะเป็นไม้พุ่มสูง 2-4 ฟุต มีอายุอยู่ได้หลายฤดูกาล มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอินเดีย
ใบมีขนาดใหญ่ เรียงตัวแบบสลับ
ดอกมีขนาดใหญ่ สีม่วงหรือสีขาว เป็นดอกเดี่ยว
ผลมีรูปร่างกลมแบนหรือรูปไข่ อาจมีสีขาว เขียว เหลือง ม่วง ขึ้นอยู่กับพันธุ์ ผลเมื่อแก่มีสีเหลือง เนื้อในผลสีเขียวเป็นเมือก มีรสขื่น
ประเทศไทยเราจะกินผลสีเขียวเป็นอาหาร ทั้งกินดิบจิ้มน้ำพริก ใส่แกงป่า แกงเผ็ด และอื่นๆ แต่ที่อินเดียใช้ผลเป็นยา
ส่วนทวีปอื่นๆ เลือกกินมะเขือยาวหรือมะเขือม่วงเป็นอาหารมากกว่ามะเขือเปราะ
ขอเสนอคุณค่าทางโภชนาการของมะเขือยาวปรุงสุก 1 ถ้วย (100 กรัม) เนื่องจากเป็นพืชตระกูลเดียวกันข้อมูลโภชนาการใกล้เคียงกัน
การแพทย์อายุรเวทของอินเดียใช้รากมะเขือเปราะ รักษาอาการไอ หอบหืด อาการหลอดลมอักเสบ ขับปัสสาวะ และขับลม
ผลใช้ขับพยาธิ ลดไข้ ลดอักเสบ ช่วยการขับถ่าย ช่วยย่อยอาหาร และกระตุ้นทางเพศ
ประชากรในแคว้นโอริสสา ของประเทศอินเดียใช้น้ำต้มผลมะเขือเปราะรักษาโรคเบาหวาน
งาน วิจัยนานาชาติระหว่างปี พ.ศ.2510-2538 พบว่าผลมะเขือเปราะมีฤทธิ์ลดการบีบตัวกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำรุงหัวใจ และลดความดันเลือด
ผลมะเขือเปราะมีไกลโคอัลคาลอยด์โซลามา ร์จีน โซลาโซนีน และอัลคาลอยด์โซลาโซดีนที่ปราศจากโมเลกุลน้ำตาล การทดสอบฤทธิ์ต้านเซลล์มะเร็งของสารเหล่านี้พบว่า ทุกตัวมีฤทธิ์ต้านการเจริญของเซลล์มะเร็งตับและลำไส้ใหญ่
พบว่า ฤทธิ์ของไกลโคอัลคาลอยด์สูงกว่าโมเลกุลไร้น้ำตาล ราก ต้นและผลแก่มีสารอัลคาลอยด์เหล่านี้ต่ำ แต่ผลเขียว (เหมือนที่คนไทยกิน) มีสารที่มีประโยชน์เหล่านี้ในปริมาณสูงกว่าส่วนอื่นของพืชดังกล่าว
สารโซลาโซดีนใช้เป็นสารตั้งต้นในการสังเคราะห์สเตียรอยด์คอร์ติโซนและฮอร์โมนเพศได้
ผลตากแห้งบดเป็นผงผสมน้ำผึ้งใช้ปรุงยาแก้ไอ
งาน วิจัยที่แคว้นโอริสสา ประเทศอินเดีย ใช้สารสกัดน้ำของผลมะเขือเปราะลดปริมาณน้ำตาลในเลือดของหนูเบาหวานอะล็อกซาน พบว่าได้ผลลดน้ำตาลในเลือดดีเท่ากับการใช้ยากลิเบนคลาไมด์ (glibenclamide)
การทดสอบเพิ่มเติมพบว่า สารสกัดดังกล่าวออกฤทธิ์คล้ายอินซูลิน โดยช่วยเสริมการใช้งานกลูโคสอย่างมีประสิทธิภาพ และมีผลเชิงบวกต่อการทำงานของตับอ่อน สารสกัดน้ำของผลมะเขือเปราะไม่มีพิษต่อสัตว์ทดลองแต่อย่างใด
Monday, September 28, 2009
มะเขือเปราะ
ใน บ้านเรามีพืชผักสมุนไพรหลายอย่างที่ช่วยชูรสอาหาร อีกทั้งยังให้ประโยชน์แก่ร่างกายมากอีกด้วยอย่าง "มะเขือเปราะ" ก็เป็นมะเขืออีกชนิดหนึ่งที่เรานิยมนำมาประกอบในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวหวาน แกงป่า หรือบางคนก็นิยมกินสดๆ จิ้มน้ำพริก หรือใส่ในยำต่างๆ ก็ได้รสอร่อยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่สมควรปล่อยให้มะเขือเปราะต้องวางทิ้งอยู่ข้างจานอีกต่อไป
สำหรับ ประโยชน์มะเขือเปราะนั้นก็มีมากทีเดียว โดยในอินเดียจะนำมะเขือเปราะมาทำเป็นยา โดยผลมะเขือเปราะนั้นจะช่วยขับพยาธิ ลดการอักเสบ ช่วยย่อยอาหาร และช่วยในการขับถ่าย
อีก ทั้งยังมีงานวิจัยที่พบว่าผลมะเขือเปราะมีฤทธิ์ลดการบีบตัวกล้ามเนื้อเรียบ ต้านมะเร็ง บำรุงหัวใจ และลดความดันเลือด และยังลดปริมาณน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานได้อีกด้วย
Wednesday, September 23, 2009
ปลูกมะเขือเปราะ
Saturday, August 1, 2009
การทำน้ำลูกเดือย แก้ร้อนใน
ส่วนผสม
1.ลูกเดือยต้มสุก 4 ถ้วยตวง
2.น้ำเปล่า 10 ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทราย 2 ถ้วยตวง
4.เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1.ลูกเดือยต้มสุกผสมกับน้ำ ต้มให้เปื่อยแล้วยกลง พักไว้ให้เย็น
2.นำมาปั่นให้ละเอียด
3.ผสมน้ำตาลทราย เกลือ คนให้ละลายเข้ากัน นำไปตั้งไฟพอเดือดแล้วก็ยกลง
Saturday, July 25, 2009
ผัก คุณค่ามหัศจรรย์
ในผักมีสารอาหารต่างๆ คือ วิตามินซี ( มีเฉพาะผักสด ) วิตามินเอ วิตามินอี มีธาตุต่างๆ ได้แก่ เหล็ก แคลเซียม โพแทสเซียม โซเดียม เป็นต้น นอกจากนี้ในผักยังมีสารต่างๆ ที่ไม่ใช่สารอาหาร เช่น เบต้า - แคโรทีน ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ สารแซนโธฟิลล์ซึ่งมีสรรพคุณการลดความเสี่ยงจากต้อกระจกที่เกิดจากความเสื่อม และแสงแดด เส้นใยอาหารช่วยป้องกันมะเร็งสำไส้ใหญ่ สารไลโคปีนช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น
เส้นใยอาหารในผักเป็นเรื่องที่มีการกล่าวถึงประโยชน์อย่างมากซึ่งมีมากในผัก ทำหน้าที่ช่วยปัดกวาดลำไส้ของเราไม่ให้กากอาหารหรือสารพิษตกค้างอยู่ในลำไส้ นานเกินไปจนเกินอันตรายต่อร่างกายดังนั้นคนที่กินผักเป็นประจำจึงไม่ประสบ กับปัญหาท้องผูกและโรคผนังลำไส้โป่ง อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็งในลำไส้ใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้ยังพบว่าการได้รับใยอาหารเป็นประจำช่วยควบคุมระดับไขมันในเลือด และช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจจากเส้นเลือดหัวใจอุดตันได้
แร่ธาตุแคลเซียมนอกจากมีคุณสมบัติในการสร้างและการเจริญเติบโตของกระดูกและ ฟันแล้ว ยังมีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการส่งความรู้สึกในระบบประสาท กล้ามเนื้อ การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือดเมื่อเกิดบาดแผล รวมทั้งการควบคุมความสมดุลของกรดและด่างในร่างกาย ซึ่งแร่ธาตุชนิดนี้พบว่ามีมากในนมและผลิตภัณฑ์นม ปลาเล็กปลาน้อยที่กินได้ทั้งกระดูก กุ้งแห้ง ปลากระป๋อง ทั้งยังพบมากในผักใบเขียวเช่นกัน
ส่วนในประเด็นของเรื่องสารตกค้างในผักก็เป็นเรื่องที่คุณแม่บ้านพ่อบ้าน กังวล ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการล้างผักให้สะอาด ซึ่งก็มีหลากหลายวิธี ตั้งแต่ล้างผักในน้ำที่กำลังไหลดดยใช้มือล้างถูผักให้ทั่วทั้งใบให้สะอาด นอกจากนี้อาจแช่ผักในน้ำผสมน้ำส้มสายชูที่มีอยู่ในครัวสัก 5-10 นาที จากนั้นจึงนำมาล้างน้ำสะอาดซ้ำอีกครั้ง การล้างผักในน้ำผสมโซเดียมไบคาร์บอเนตหรือผงฟูก็ช่วยลดสารพิษตกค้างได้ แต่วิธีนี้อาจทำให้วิตามินบางชนิดสลายไปได้บ้าง ส่วนการล้างผักด้วยด่างทับทิมควรล้างด้างทับทิมให้หมดจากผักจริงๆ มิฉะนั้นจะเกิดผลเสียได้
Wednesday, July 22, 2009
ถั่วงอก
- ตระกร้า สี่เหลี่ยม มีขายทั่วไป
- ทราย
- ฝักบัวรดน้ำเล็ก
- วิธีการ นำทรายที่สะอาด หรือร่อนแล้วมีแต่ทรายล้วน ใส่ในตระกร้า ที่เป็นทรงงสี่เหลี่ยม คล้ายกะบะ ใส่เกือบเต็ม
- นำเม็ดถั่วเขียวโรย บนทราย ให้ทั่ว กะ ว่าให้กระจายเต็มหน้า และพอสำหรับรับประทาน
- เอาฝักบัวรดน้ำให้พอชุ่ม ไม่ต้องมากเกินไป รดน้ำวันละ 1 - 2 ครั้งก็พอ อย่าปล่อยให้แห้ง
- สังเกตว่าเม็ดถั่วเขียวจะค่อย ๆ งอก มีรากเล็ก ๆ ภายใน 1-2 วัน
- ถั่วงอกโตเต็มที่ ก็สามารถเก็บมาล้างทรายออก และนำมารับประทานได้เลย ยอ่างปลอดภัย
- ถ้าจะให้ดี ก่อนที่จะโรยเม็ดถั่วเขียว ก็ให้แช่น้ำไว้ก่อน 1 คืน จะทำให้การงอกเร็วขึ้น
- จบแล้ว
Thursday, July 16, 2009
ต้นฟักทอง
Sunday, June 21, 2009
ฟักทองออกดอก
ช่วงก็รดน้ำเช้าเย็น ไม่ต้องมากนักเพราะเป็นหน้าฝน ปีนี้ฝนตกบ่อยอยู่แล้ว และใส่ปุ๋ยสูตรมาตรฐาน 16-16-16 ก็พอ ไม่ต้องใส่มา กำมือเล็ก ๆ ตั้งแต่ปลูกมาเพิ่งใส่ปุ๋ยแค่ 2 ครั้ง ต้นก็งามดีโตเร็วใบเขียว แล้วจะมาเล่าให้ฟังใหม่น่ะครับ
Monday, June 1, 2009
ความดันโลหิตสูง
วันนี้ขอนำเรื่องความดันโลหิตสูง มานำเสนอ ซึ่งไม่เกี่ยวกับผักเท่าไร แต่ว่า น่าจะมีส่วนช่วยได้ในเรื่องของการเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภค เช่น ใครที่ชอบทานอาหารไขมันสูง เช่น Fastfood เป็นต้น ก็อาจทำให้มีคลอเลสเตอรอลสูง เป็นผลทำให้ความดันโลหิตสูงตามไปด้วย แต่ไม่ได้หมายความว่า อาหาร Fastfood ไม่ดี หรือทานไม่ได้เลย แต่ว่าเราควรต้องควบคุมปริมาณด้วยไม่เช่นนั้นก็จะมีผลไม่ดีต่อสุขภาพตามมาได้ครับ
ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงก็ป้องกันได้ ดังนี้
การปฏิบัติต่อไปนี้สามารถช่วยป้องกันโรคความดันโลหิตสูงได้
- การลดน้ำหนัก
น้ำหนักตัว โดยมาตรฐานแล้ว ควรจะใกล้เคียง กับความสูง วัดเป็นเซนติเมตร ลบด้วย 100 ถ้าสูง 150 เซนติเมตร ควรจะน้ำหนักใกล้ๆ กับ 50 กิโลกรัม
- การลดปริมาณเกลือในอาหาร
งดอาหารรสเค็มหรือลดการรับประทานลง
- การงดหรือลดการดื่มสุราหรือแอลกอฮอล์
ไม่ควรทานอย่างยิ่ง ทำให้เกิดโรคอื่นตามมาอีกมาก
- การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายทุกวันอย่างน้อยวันละ 30 นาที เช่น วิ่ง หรือ เดิน , ว่ายน้ำเป็นต้น
และอย่าลิมเลือกรับประทานอาหารที่สะอาด มีไขมันต่ำ ไม่ควรทานพวก อาหารทอด อาหารทะเล ไข่แดง เครื่องในสัตว์ จำพวกนี้มีไขมันสูงทั้งสิ้น ขอให้สุขภาพแข็งแรงกันทุกคนนะครับ
Sunday, May 24, 2009
ฟักทอง
วันนี้นำเนื้อหาเกี่ยวกับฟักทอง ซึ่งกำลังลองปลูกลงกระถางหลังผ้องผมนี่เอง ตอนนี้โตวันโตคืน ปลูกไว้ 5 ต้น ในกระถางเดียว ตามที่เคยลงรูปไปแล้ว ทีนี้มาดูข้อมูลของฟักทองพันธุ์(ดำ,คางคก)นี้กันครับ ขอขอบคุณข้อมูลจาก web กรมส่งเสริมการเกษตรครับ
ฟักทอง เป็นพืชผักที่จัดอยู่ในกลุ่มพืชตระกูลแตง (Cucurbitaceae) ซึ่งได้แก่ ฟักทอง แตงกวา แตงร้าน ฟักแฟง มะระ บวบ แตงโม แคนตาลูป ฯลฯ เป็นพืชผักที่มีราคาถูก มีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณและถนอมสายตา นำมาทำอาหารได้หลายชนิด เช่น ยอดอ่อนนำมาลวกจิ้มน้ำพริก หรือใส่แกงเลียง แกงส้มเปรอะ แกงส้ม เป็นต้น เนื้อใช้ทำอาหารได้ทั้งคาว-หวาน ทั้งผัด-แกง-ขนม และใช้เป็นอาหารเสริมในเด็กเล็ก รวมทั้งดัดแปลงมาใช้โรยหน้าหรือปนในขนมต่างๆ ทำให้มีสีสันสวยงาม และมีคุณค่าทางอาหารมากยิ่งขึ้น
เนื้อฟักทองสด 100 กรัม จะมีคุณค่าทางอาหาร ดังนี้
- โปรตีน 1.63
- ไขมัน 0.2
- กากใย 0.88
- คาร์โบไฮเดรต 10.1
- วิตามินเอ 2,220
หน่วยสากล : พลังงาน 48.7 กิโลแคลอรี
ผู้ต้องการมีรูปร่างสวยงามควรบริโภคเป็นประจำและฟักทองยังมีวิตามินสูง ซึ่งช่วยบำรุงผิวพรรณและสายตาอีกด้วยครับ
พันธุ์พื้นเมืองหลายพันธุ์
พันธุ์ดำ เมื่อแก่เปลือกจะมีสีเขียวเข้มอมดำ เปลือกจะขรุขระเป็นปุ่มปม คล้ายผิวคางคก (บางทีก็เรียกพันธุ์คางคก) ก้นของผลยุบเข้าไปในผล ทำให้ปอกเปลือกยาก แต่เป็นพันธุ์หนักผลโต
พันธุ์น้ำตก ผิวจะไม่ค่อยขรุขระนัก ก้นของผลจะนูนออกมา ทำให้ปอกเปลือกง่าย ผลเล็กกว่าพันธุ์ดำเล็กน้อย
Wednesday, May 20, 2009
สวัสดีครับ
ข่าวคราวเกษตรกรขณะนี้ก็มีปัญหาเรื่องผลไม้ ลิ้นจี่ที่ลำปาง เชียงใหม่ ล้นตลาด ซึ่งเป็นเรื่องปกติเป็นประจำทุกปีที่สินค้าเกษตรจะล้นตลาด ปีนี้ ลิ้นจี่ ขาย 6 กก. 100 บาท ตกกิโลละ 16 บาท ก็มีเกษตรกร มาประท้องตามระเบียบ
ข่าวเศรษฐกิจโลกทั่วไปก็ยังไม่ดีขึ้น เรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ยังมีการปลดพนง.กันต่อเนื่อง เช่น american express,hp เป็นต้นล้วนเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งนั้น.....
Saturday, May 16, 2009
ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 7 (90/2552) เรื่อง ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย
+++ สวัสดีครับ +++วันนี้ย่างเข้าหน้าฝนมาแล้วระยะหนึ่งนะครับ ขอให้ดูแลสุขภาพกันให้ดี บางคนก็เริ่มไม่สบายกันแล้ว หลายคนเป็นหวัด ไอ จาม ถ้าอาการเริ่มไม่ดีก็อย่าลืม ไปพบคุณหมอกันนะครับ 2-3 วันมานี้ฝนตกหนักต่อเนื่อง ช่วงเช้าเรื่อยไปตลอดทั้งวัน คงเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่ปลูกต้นไม้ ไม่ว่าจะปลูกไม้ดอกไม้ประดับ หรือปลูกผักไว้ขายหรือรับประทานเอง ก็ดีนะครับ ว่าไม่ต้องรดน้ำ ต้นไม้สดชื่นไม่แห้งเหี่ยวเหมือนช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา
ทีนี้เรามาดูกันว่า ฤดูฝนนี้เราจะสามารถปลูกผักอะไรไว้รับประทานกันได้บ้าง ผมหาข้อมูลมาดังนี้
- ผักที่ควรปลูกในต้นฤดูฝน คือ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคม ได้แก่ หอมแบ่ง ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักบุ้ง คะน้า พริกต่าง ๆ มะเขือต่าง ๆ ผักกาดหอม บวบ มะระ ฟักเขียว แฟง แตงกวา ข้าวโพดหวาน ถั่วฝักยาว ถั่วพุ่ม น้ำเต้า ถั่วพู ผักบุ้งจีน กระเจี๊ยบเขียว
- ผักที่ควรปลูกปลายฤดูฝน ผักใดที่ปลูกต้นฤดูฝนก็ปลูกได้ผลดี ในปลายฤดูฝน ยิ่งกว่านั้นยังปลูกผักฤดูหนาวได้อีกด้วย เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก กะหล่ำปม บร็อคโคลี่ ถั่วลันเตา หอมหัวใหญ่ แครอท แรดิช ผักชี ผักกาดเขียวปลี ผักกาดขาวปลี ผักกาดหอมห่อ ข้าวโพดหวาน แตงเทศ แตงโม พริกยักษ์ พริกหยวก ฟักทอง มะเขือเทศ ขึ้นฉ่าย
- ผักที่ควรปลูกในฤดูร้อน ได้แก่ ผักที่ทนร้อนได้ดี และทนความ แห้งแล้งพอสมควร ถึงแม้ว่าผักเหล่านี้จะทนร้อนและความแห้งแล้งได้ แต่ถ้าจะปลูกในฤดูร้อนผักบางอย่างก็ต้องรดน้ำ เช้า-เย็น ต้องพรวนดิน แล้วคลุมด้วยฟางข้าวเพื่อรักษาความชุ่มชื้นไว้ให้พอ เช่น ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดเทียน บวบ มะระ ถั่วฝักยาว ถั่วพุ่ม น้ำเต้า แฟง ฟักทอง ถั่วพู คะน้า ผักกาดเขียวกวางตุ้ง ผักกาดหอม ผักชี (ผักกาดหอม และผักชีนั้น ควรทำร่มรำไรให้ด้วย ) ผักกาดขาวเล็ก มะเขือมอญ ผักกาดเขียวใหญ่
- ผักและพืชบางอย่างที่ควรปลูกไว้รับประทานตลอดปี ได้แก่ พืชที่ ทนทาน ปลูกครั้งเดียวรับประทานได้ตลอดปี เช่น สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง หอมแบ่ง แมงลัก โหระพา กะเพรา ผักตำลึง ผักบุ้งไทย กระชาย ข่า ตะไคร้ บัวบก มะแว้ง มะเขือพวง พริกชี้ฟ้า พริกขี้หนู มะเขือต่าง ๆ ( กรมอาชีวศึกษา.2529: 3-4 )
ทีนี้เป็นสภาพอากาศที่เราควรติดตาม ถ้าเราเป็นนักการเกษตรหรือชอบปลูกต้นไม้สมัครเล่น หรือเป็นอาชีพ ข้อมูลนี้ควรรู้ไว้บ้างครับ ก็สามารถดูได้เลยจาก WEB กรมอุตุนิยมวิทยา ผมทำ link ไว้แล้วครับ
พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 23:00 วันนี้ ถึง 23:00 วันพรุ่งนี้.
- ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ ตาก ลำปาง น่าน พิจิตร พิษณุโลกและเพชรบูรณ์ อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเลย หนองบัวลำภู ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. - ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท อุทัยธานี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ลพบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. - ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดปราจีนบุรี นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร - ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร - ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร - กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
Thursday, May 14, 2009
ฤดูฝน
ขอเล่าเรื่อง ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เล็กน้อยนะครับ เชื้อ H1N1 เป็นเชื้อไวรัสตัวใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ทางการแพทย์ระบุว่า มีการติดต่อจากหมู สู่คน แต่ยังไม่มีการรายงานว่า มีการติตด่อจาคนสู่คนด้วยหรือไม่ จากเดิมเชื้อที่ติดต่อขากสัตว์ปีก เช่นไก่ นก ที่ผ่านมาเป็น H5N1 ซึ่งก็ไม่ติดต่อจากคนสู่คนเหมือนกัน แต่กันไว้ดีกว่า นะครับ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรเสี่ยงที่จะไปสัมผัส นกไก่ หรือมูลนก เป็นต้น เราคงไม่อยากเป็น คนป่วยรายแรกอันดับต้น ๆและเป็นข่าวดังไปทั่วโลกนะครับ
ขอให้ดูแลตัวเองกันด้วยนะครับ และเราจะได้มาปลูกผักเพื่อสุขภาพของเรากันต่อ
admin
Saturday, May 9, 2009
Update ฟักทองกระถาง
ผ่านไปหลายวันก็โตมากแล้ว แต่ยังไม่ถึงขนาดออกดอกรออีกหน่อย แมลงช่วงนี้ไม่มีให้เห็นมารบกวนเลย เพราะเป็นช่วงย่างเข้าหน้าฝน แต่ถ้าเป็นหน้าร้อน แมลงรบกวนจะมีมาก เป็นพวกเพลี้ยแป้ง ตัวเล็ก ๆ ขาว ๆ
ตอนนี้รดน้ำบ่อย ถ้าช่วงไหนไม่อยู่ห้อง ก็ใช้สายยางปล่อยน้ำหยดเอา ไม่ทำให้ผักแห้งเฉาตาย แสงแดดหลังห้องจะมีตอนเช้าถึงเที่ยง เพราะอยู่ทางทิศตะวันออก ช่วงบ่ายแดดจะไม่ส่องมามาก แสงก็พอเหมาะ ช่วงต่อไปจากนี้ ถ้าต้นฟัก โตขึ้นมันจะเริ่มเลื้อย ต้องหาอะไรมาให้เกาะ ไม่เช่นนั้นจะเลื้อยตามพื้นหลังห้อง
Wednesday, May 6, 2009
การปลูกและดูแลรักษาผักกระถาง
ดินร่วน 0.5-1 ส่วน
ปุ๋ยหมัก/ปุ๋ยคอกที่สลายตัวแล้ว 1 ส่วน
ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
แกลบเผา 0.5 ส่วน
คลุกเคล้าให้เข้ากัน
วิธีการปลูก
1. นำดินผสมใส่ภาชนะที่เตรียมไว้
2. ขุดหลุมหรือเจาะหลุมปลูก และย้ายต้นกล้าที่เตรียมไว้ หากเป็นพืชเถาเลื้อยก่อนใส่ดินให้ใส่หลักหรือตะแกรงลวดม้วนกลม สำหรับให้พืชยึดเกาะ
3. จำนวนต้นกล้าต่อกระถางขึ้นอยู่กับชนิดพืชและขนาดกระถาง เช่น พริกประดับต้นเตี้ย ใช้กระถางขนาด 4-6 นิ้ว ปลูกกระถางละ 3-4 ต้น พริกขี้หนู/พริกชี้ฟ้า/มะเขือเปราะ ใช้กระถางขนาด 10-12 นิ้ว ปลูกกระถางละ 1 ต้น
4. สถานที่ตั้งกระถาง ขึ้นอยู่กับชนิดพืชและฤดูกาล เพราะพืชบางชนิดต้องการแสงมากน้อยไม่เท่ากัน
การปลูกและดูแลรักษาผักกระถาง
คุณสมบัติของวัสดุปลูกที่ดี
1. ค้ำจุนส่วนของพืชให้ตั้งตรงอยู่ได้
2. น้ำหนักเบา
3. มีความสามารถในการอุ้มน้ำดี
4. มีความพรุน อากาศถ่ายเทได้สะดวก
5. ระบายน้ำดี
6. มีธาตุอาหารเพียงพอกับความต้องการของพืช
7. ปราศจากโรคและแมลง
8. เป็นวัสดุที่หาง่ายในท้องถิ่น
Tuesday, May 5, 2009
ตอนนี้โตขึ้นแยอะเลย ผักกระถาง
เมื่อวันอาทิตย์ไปดูหนังสือที่ร้อนซีเอ็ด มีหนังสือเกี่ยวกับการปลูกผักที่ดาดฟ้าตึก เขาทำดาดฟ้าให้เป็นแปลงผัก โดยทำที่กั้นเอาไม้ตีเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า เป็นเหมือนแนวแปลงผักทั่วไป แล้วเอาดินใส่ลงไป ปลูกได้เหมือนแปลงผักปกติเลย มีคะน้า ผักบุ้ง ฯลฯ และมีเรื่องการปลูกผักในกระถางด้วย ทำให้รู้ว่า แนวคิดที่ผมคิด ก็ตรงกับแนวคิดคนอื่นด้วย โดยที่ผมไม่ได้ไปลอกจากใครหรือเคยอ่านเรื่องแนวนี้ แต่เมื่อมีคนคิดเรื่องผักกระถางเหมือนเราก็ดีใจว่า จะได้มีคนที่มีแนวคิดเดียวกัน และจะได้มีข้อมูลช่วยกันพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีกวันหลังจะเอาชื่อหนังสือมาบอก
Monday, April 27, 2009
โตเร็วมาก
Thursday, April 23, 2009
ปุ๋ยที่ใช้ ใส่ผัก
ปลูกมะเขือกระถาง ฟักทองกระถาง
Tuesday, April 21, 2009
ฟักทองคางคก
- เลือกเมล็ดดี สมบูรณ์ 15 เมล็ด
- ปลูกลงกระถางเลยโดย เอาเมล็ด จิ้มกดลงไปในดินเลย พอจมอย่าลึกมาก เห็นเมล็ดโผล่บ้าง พอเมล็ดงอกเราก็จะเห็น ได้
- ในกระถางมีเศษต้นไม้ ใบไม้แห้งเป็นต้นพริกหวานที่เพิ่งตายไป ไม่ได้ทิ้ง ใส่ในกระถางเป็นปุ๋ยได้
- รดน้ำพอชุ่ม แต่ต้องหมั่นรดน้ำทุกวันเช้าเย็นนะ อย่าให้แห้ง เดี๋ยวไม่งอก
ปลีกล้วย
Saturday, April 18, 2009
ปกติแล้วในผักจะมีสารพิษตกค้างมากหรือเปล่าฦ?
Friday, April 17, 2009
อันตรายจากยาฆ่าแมลงและอาหาร
Thursday, April 16, 2009
ต้นทุนผักกระถาง
Wednesday, April 15, 2009
โรคและแมลง
Tuesday, April 14, 2009
ปลูกสะระเหน่กระถาง
หลังจากโรยเมล็ดแล้ว ก็รดน้ำพอชุ่ม ให้ดินเปียกพอประมาณ ไม่ต้องรดมากเกินไป จนแฉะนะ ทีนี้ เราก็รดน้ำสมำเสมอ เช้าเย็น หรือไม่มีเวลาก็แค่วันละรอบ เช้าหรือเย็นก็พอ ครับ รอประมาณ 1 อาทิตย์สังเกตุว่าจะมีรอยแตกของเมล็ด และจะเริ่มงอกทีละน้อย ทีนี้สังเกตดูว่า งอกแยอะไหม ถ้าแยอะเกินไป สามารถหากระถางมาปลูกเพิ่มโดยเตรียมดินใส่กระถางเหมือนเดิมที่ทำครั้งแรก และนำต้นกล้าที่เพิ่งงอกมาถ่ายลงกระถางใหม่ ทำง่าย ๆ ก็แยกต้นกล้าทีงอกมากหน่อยประมาณ 1-2 ซม. อย่าถอนนะ !!!! รากจะขาด ให้เอาไม้หรือหาไม่ได้ก็เอา ปลายช้อนกินข้าว ตักต้นกล้าให้ติดดิน ไปปลูกลงกระถางใหม่ ก็ใช้นิ้วเจาะดินให้เป็นรู แล้วเอากล้าติดดินลงปลูก เอาดินกลบเบา ๆ กดดินเบา ๆ รดน้ำเล็กน้อย อย่ามากนัก และรดสม่ำเสมอเช้าเย็น แค่นี้ก็เรียบร้อย จะมีต้นผักสะระเหน่ เพิ่มขึ้น 2 กระถาง ใน1กระถ่งสามารถปลูกได้ 3-5 ต้น แค่นี้ก็มีสะระเหน่รับประทานแล้วครับ ขอแนะนำว่าปลูก ซัก 3-5 กระถางถ้ากระถางเล็ก แต่ถ้าคุณมีกะละมังซักผ้าแบบเก่าไม่ได้ใช้ ใช้ได้เลย แต่ต้องเจาะรูระบายน้ำที่ก้นด้วยนะครับ และปลูกแค่กะละมังเดียวก็พอรับประทาน ทั้งครอบครัวเลยทีเดียว
ยังมีอีกหลายเรื่องรายละเอียดเกี่ยวกับวัสดุรองก้นกระถาง เพื่อระบายน้ำทำให้ระบายน้ำดี ไม่ทำให้น้ำขังเป็นที่มาของรากเน่าและเชื้อโรคสะสม ครับ
Sunday, April 12, 2009
พืชล้มลุก
Friday, April 10, 2009
ผักกระถาง หลังห้องพัก
ผักชี
เป็นผักที่อยู่ในตระกูล Unbelliferae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Corian drum sativa Linn มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆเช่น หอมป้อม เป็นผักสมุนไพรล้มลุกที่มีอายุสั้นประมาณ 40-60 วัน ลำต้น ราก ใบ ก้านใบ ดอกและเมล็ดมีกลิ่นหอม สามารถปลูกขึ้นในดินแทบทุกชนิด ชอบดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี ปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
การเตรียมดิน
ผักชีเป็นผักที่มีระบบรากตื้น ไถดินลึกเพียง 15-20 ซม. ก็พอเเล้ว ตากดินไว้ 5-7 วัน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวแล้วคลุกเคล้ากับดินให้ทั่ว ย่อยดินให้ละเอียดเพื่อสะดวกในการปลูกการเตรียมเมล็ดพันธุ์ผักชีมีการขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดปลูก ก่อนที่จะปลูกต้องเตรียมเมล็ดพันธุ์ให้พร้อมก่อน โดยการบดเมล็ดให้แตก แล้วแช่น้ำไว้ 1 คืนการปลูกก่อนปลูกต้องรดน้ำให้ทั่วแปลง นำเมล็ดที่แช่แล้ว มาหว่านบนแปลงที่เตรียมไว้แล้วกลบดินละเอียดบางๆ คลุมด้วยฟางแห้งอีกชั้นหนึ่ง เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของหน้าดินไว้ แล้วรดน้ำอีกครั้งหนึ่ง การปลูกผักชีทั้งในฤดูฝนและฤดูร้อนต้องทำร่มกันแดดแบบเพิงหมาแหงน ให้แดดส่องได้ตั้งแต่ 06.00-10.00 และ 14.00-18.00
การดูแลรักษา
1.การให้ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยสูตร 20-11-11 หรือใกล้เคียงนี้ โดยใส่ในอัตรา20-30 กก./ไร่
2.การให้น้ำ ควรให้สม่ำเสมอและเพียงพอ แต่อย่าให้โชกเกินไป เพราะผักชีเป็นผักที่สู้น้ำไม่ได้ ถูกน้ำหรือฝนมากๆมักจะเน่าง่าย
3.การกำจัดวัชพืช วัชพืชที่ขึ้นในระยะแรกควรรีบกำจัดโดยเร็ว โดยใช้มือถอน อย่าปล่อยให้ลุกลามเพราะวัชพืชเป็นตัวแย่งน้ำและอาหารจากพืชการเก็บเกี่ยวเนื่องจากผักชีสามารถใช้ทุกส่วนมาบริโภค ควรถอนด้วยมือให้ติดมาทั้งต้นและราก ก่อนถอนควรรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นก่อน เพื่อสะดวกในการถ
ผักชี
เป็นผักที่อยู่ในตระกูล Unbelliferae มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Corian drum sativa Linn มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆเช่น หอมป้อม เป็นผักสมุนไพรล้มลุกที่มีอายุสั้นประมาณ 40-60 วัน ลำต้น ราก ใบ ก้านใบ ดอกและเมล็ดมีกลิ่นหอม สามารถปลูกขึ้นในดินแทบทุกชนิด ชอบดินร่วนที่มีการระบายน้ำดี ปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศไทย
การเตรียมดิน
ผักชีเป็นผักที่มีระบบรากตื้น ไถดินลึกเพียง 15-20 ซม. ก็พอเเล้ว ตากดินไว้ 5-7 วัน ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักที่สลายตัวแล้วคลุกเคล้ากับดินให้ทั่ว ย่อยดินให้ละเอียดเพื่อสะดวกในการปลูกการเตรียมเมล็ดพันธุ์ผักชีมีการขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดปลูก ก่อนที่จะปลูกต้องเตรียมเมล็ดพันธุ์ให้พร้อมก่อน โดยการบดเมล็ดให้แตก แล้วแช่น้ำไว้ 1 คืนการปลูกก่อนปลูกต้องรดน้ำให้ทั่วแปลง นำเมล็ดที่แช่แล้ว มาหว่านบนแปลงที่เตรียมไว้แล้วกลบดินละเอียดบางๆ คลุมด้วยฟางแห้งอีกชั้นหนึ่ง เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของหน้าดินไว้ แล้วรดน้ำอีกครั้งหนึ่ง การปลูกผักชีทั้งในฤดูฝนและฤดูร้อนต้องทำร่มกันแดดแบบเพิงหมาแหงน ให้แดดส่องได้ตั้งแต่ 06.00-10.00 และ 14.00-18.00
การดูแลรักษา
1.การให้ปุ๋ย ใช้ปุ๋ยสูตร 20-11-11 หรือใกล้เคียงนี้ โดยใส่ในอัตรา20-30 กก./ไร่
2.การให้น้ำ ควรให้สม่ำเสมอและเพียงพอ แต่อย่าให้โชกเกินไป เพราะผักชีเป็นผักที่สู้น้ำไม่ได้ ถูกน้ำหรือฝนมากๆมักจะเน่าง่าย
3.การกำจัดวัชพืช วัชพืชที่ขึ้นในระยะแรกควรรีบกำจัดโดยเร็ว โดยใช้มือถอน อย่าปล่อยให้ลุกลามเพราะวัชพืชเป็นตัวแย่งน้ำและอาหารจากพืชการเก็บเกี่ยวเนื่องจากผักชีสามารถใช้ทุกส่วนมาบริโภค ควรถอนด้วยมือให้ติดมาทั้งต้นและราก ก่อนถอนควรรดน้ำให้ดินชุ่มชื้นก่อน เพื่อสะดวกในการถ
Thursday, April 9, 2009
ล้างผักลดสารพิษ
ปริมาณสารพิษที่ลดได้ร้อยละ
1. ใช้โซเดียมไปคาร์บอเนต (ผงฟู) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 1 กะละมัง ( 20 ลิตร ) แช่นาน 15 นาที
90-95%
2. ใช้น้ำส้มสายชู (5%) 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10-15 นาที
60-84%
3. ล้างผักโดยให้น้ำไหลผ่าน ใช้มือช่วยคลี่ใบผัก นาน 2 นาที
54-63%
4. ลอกหรือปอกเปลือกชั้นนอกของผักออกทิ้ง เด็ดผักเป็นใบๆแล้วแช่น้ำสะอาดนาน 10-15 นาที
27-72%
5. ต้มหรือลวกผักด้วยน้ำร้อน
48-50%
6. ใช้ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด ผสมน้ำ 1 กะละมัง แช่นาน 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกที
35-43%
7. ใช้เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 กะละมังแช่นาน 10 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกที
29-38%
ชนิดผักในกระถาง
อัตราการใช้น้ำใน "ผักกระถาง"
และจะหาโอกาสทดลองเพื่อหาตัวเลข ที่สามารถนำมาวิเคราะห์เป็นข้อมูลทางสถิติ ของ ผักกระถาง
Wednesday, April 8, 2009
กะเพรา
Tuesday, April 7, 2009
การปลูกพืชผักสวนครัว
การปลูกผักไว้รับประทานนับเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะได้บริโภคผักที่ปลอดสารพิษ เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมีโอกาศที่จะได้รับประทานรสชาติผักที่ใหม่และสด รวมทั้งยังเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายประจำวัน สอดคล้องกับชีวิตประจำวันในปัจจุบัน นแกจากนี้ยังให้ความเพลิดเพลินใจ มีส่วนให้สมาชิกในครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกัน ในการช่วยปลูกและช่วยกันดูแลผักสวนครัวที่สมาชิกภายในครอบครัวช่วยกันสร้างขึ้นมา นับเป็นการปลูกจิตสำนึกต่อธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมที่มีค่ายิ่ง
Monday, April 6, 2009
ฤดูร้อน
Saturday, April 4, 2009
สวนไอเดียใหญ่ในพื้นที่เล็ก
1.เลือกกระถางให้หลากหลายสีสัน รูปทรง และวัสดุที่หลากหลายของกระถาง เมื่อนำมาอยู่รวมกันจะช่วยสร้างความน่าสนใจ แต่ถ้าคุณเป็นมือใหม่หัดจัด อาจคุมโทนสีของกระถางโดยเลือกใช้แค่ 2-3 สีก็ได้เพื่อป้องกันไม่ให้สีในสวนดูเลอะเทอะเกินไป
2.ทิ้งช่องไฟให้กระถางได้อวดโฉม ต้นไม้ที่จับคู่กับกระถางได้ลงตัวนั้นจะดูสวยงามด้วยตัวเอง เมื่อนำมาจัดวางเรียงต่อกันหรือซ้อนแถว ควรเว้นระยะห่างระหว่างกระถางสักเล็กน้อย เพื่อให้เห็นรูปทรงของกระถางและต้นไม้ได้ชัดเจนขึ้น
3.ยกกระถางให้ดูเด่น ไม้กระถางขนาดเล็กหรือที่คุณโปรดปรานเป็นพิเศษ อาจวางให้อยู่ในระดับที่ชื่นชมได้ใกล้ชิด โดยวางบนโต๊ะ เก้าอี้ หรือทำชั้นวาง
Friday, April 3, 2009
ผักชี ขึ้นฉ่าย ผักบุ้ง
- หว่านเมล็ดในแปลง โดยจัดแถวให้ระยะห่างกัน 15-20 เซนติเมตร กลบดินทับบาง ๆ ประมาณ 1 เซนติเมตร สำหรับขึ้นฉ่ายไม่ต้องกลบเมล็ด เพราะเมล็ดจะเล็กมาก หากเตรียมดินละเอียดเมล็ดจะแทรกตัวลงไปในระหว่างเม็ดดินได้เอง
- ผักบุ้งจะงอกใน 3 วัน ผักชีประมาณ 4-8 วัน และขึ้นฉ่ายประมาณ 4-7 วัน
- เมื่อกล้างอกมีใบจริง ถอนแยกและพรวนดินให้โปร่งเสมอจนเก็บเกี่ยว
- ผักบุ้งจีนเก็บเกี่ยวได้ภายใน 15-20 วัน ผักชี 45-60 วัน และขึ้นฉ่าย 60-70 วัน
- สำหรับผักชีและขึ้นฉ่าย ไม่ชอบแสงแดดจัด อาจปลูกในที่ ๆ มีร่มเงาได้ แต่สำหรับผักบุ้งจีน ต้องการแสงแดดตลอดวัน
สวยด้วยผัก
Wednesday, April 1, 2009
ช่วงหน้าร้อน หาผักอะไรมาปลูกดี ?
Tuesday, March 31, 2009
Monday, March 30, 2009
กินผักสลัด
ทดลองปลูกพริกยักษ์แดง
นี่เป็นไง สวยไหม ไม่ใช่ปลูกเองหรอกนะ ไปดูงานโครงการหลวงที่ Central World มีพริกยักษ์แดง พริกยักษ์เหลือง เอาต้นเป็น ๆ มาโชร์ ในห้างเลย ผู้คนสนใจมาก และมีผักของโครงการหลวง ขายด้วยเข้าใจว่าต้องเป็นสภาพอากาศดี ๆ เย็น ๆ จะได้ผลผลิตสูง ที่เห็นต้นเดียว มีหลายสิบ เป็นพวง ๆ ก็มี ชอบมาเลยครับ รูปถ่ายมาแยะเลย แต่เอาโชว์พอเห็นภาพ คิดไว้ว่าถ้ามีที่อยากปลูกขาย เพราะ เห็นตามห้าง LOTUS,BIG C ขายกันราคาดีอยู่ครับ